Author: admin

รถโฟลค์คลิฟท์ คือ อะไร เราจะพามาทำความรู้จักกันเลยนะคะ
รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) คือ เครื่องจักรที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในด้านอุตสาหกรรมคะ คลังจัดเก็บสินค้า ที่ทำงานด้วยกลไกระบบไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ มีงาด้านหน้า เพื่อสอดและยกสินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักเกินกว่าจะใช้กำลังคนจะยกได้คะ และเนื่องจาก รถ โฟลค์คลิฟท์ แต่ละประเภทถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่างกันคะ สามารถรับน้ำหนักของสิ่งของที่ยกได้ต่างกัน จึงจำเป็นต้องศึกษาและใช้งานอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยคะ รวมถึงคนขับเองก็ต้องมีความชำนาญในการใช้งานเครื่องจักรประเภทนี้ด้วยนะคะ เราจะมาดูกันะคะว่า สาเหตุใดบ้างที่ต้องมีการ เช่า รถโฟลท์คลิฟท์
เหตุผลที่ธุรกิจของคุณควรใช้รถโฟล์คลิฟท์
1.รถโฟล์คลิฟท์ ทำงานได้มากกว่าแรงงานคน
รถโฟล์คลิฟท์ สามารถยกของที่หนักเกินกว่ากำลังคนจะยกได้คะ และสามารถขนย้ายสินค้าที่มีขนาดใหญ่ได้รวดเร็วอีกด้วยคะ จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากยิ่งขึ้นคะ
2. รถโฟล์คลิฟท์ ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างกำลังคนมาทำงาน
ประสิทธิภาพของรถโฟล์คลิฟท์ เมื่อเทียบเท่ากับการใช้แรงงานคน เราพบว่าต้องใช้กำลังคนจำนวนมากในการยกของหนักๆ และถ้าของหรือสินค้าชิ้นใหญ่ ซึ่งบางครั้ง ต้องใช้จำนวนคนเยอะ ต้องหาจ้างคนเพิ่มมาเสริมแรง ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นได้คะ จึงเห็นว่า การใช้ รถโฟล์คลิฟท์เข้ามาช่วย จึงไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานจำนวนมาก เลยคะและยังลดปัญหาด้านการบริหารแรงงานคนเยอะๆ และที่สำคัญยังเป็นการลดต้นทุนในการผลิตได้เยอะเลยคะ
3. รถโฟล์คลิฟท์ ยังสร้างความปลอดภัยที่มากกว่า
การทำงานในสายการผลิต การเกษตร และคลังสินค้า ต้องมีโอกาสเกิดความผิดพลาดจากการทำงานได้อยู่แล้วคะ เพราะวัสดุสินค้าเป็นของมีน้ำหนัก มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ แก่พนักงานได้ และยังส่งผลให้สินค้าเสียหายในการขนส่งได้ด้วย การใช้ โฟล์คลิฟท์เข้ามาช่วย สามารถทำให้เกิดความปลอดภัยได้มากขึ้น และเข้าถึงที่เก็บสินค้าที่สูงได้โดยไม่ต้องปีนขึ้นไปเองให้เสี่ยงอันตรายเลยคะ
4. รถโฟล์คลิฟท์ ไม่ใช่ต้นทุนแต่เป็นสินทรัพย์
การจ้างพนักงานเพิ่ม ต้องมีค่าใช้จ่ายในการจ้างงานซึ่งถือเป็นต้นทุนแรงงานที่ต้องรวมกับทุนสินค้า แต่ว่าการมี รถโฟล์คลิฟท์ นั้นไม่ถือเป็นต้นทุน แต่เป็นทรัพย์สินของธุรกิจคะ และเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้งานแล้ว สามารถนำไปขายต่อเป็นรถ มือสองได้อีกคะ สามารถคืนทุนได้คะ
5.รถโฟล์คลิฟท์ ช่วยให้ก้าวนำคู่แข่งในเวทีตลาดโลก
ว่าด้วยการมีเครื่องมือที่มีศักยภาพสูง เช่น รถโฟล์คลิฟท์ ตัวช่วยที่ดีในการทำงานเป็นหลัก ถ้าอยู่ในบริษัทใด ย่อมทำให้ มีข้อได้เปรียบจากคู่แข่งในเรื่องการผลิตอยู่แล้วคะ และคุณภาพงานที่คงที่ โอกาสเกิดความผิดพลาดเสียหายน้อยกว่า ใช้เวลาทำงานน้อยกว่าคะ ศักยภาพเหล่านี้ถึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณ มีโอกาสพัฒนาแซงหน้าธุรกิจอื่นๆ และพร้อมที่จะเข้าสู่เวทีตลาดโลกได้เลยนะคะ
ส่วนประกอบสำคัญของ รถโฟล์คลิฟท์
รถโฟล์คลิฟท์ มีส่วนประกอบต่างๆคะ ที่จำเป็นสำหรับการใช้งาน เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
– โครงรถโฟล์คลิฟท์
โดยส่วนประกอบหลักทั้งหมดของ รถโฟล์คลิฟท์ จะมีล้อ น้ำหนักถ่วง และเสาซึ่งติดอยู่กับโครงรถโฟล์คลิฟท์คะ
– การถ่วงน้ำหนัก
คือน้ำหนักเหล็กหล่อที่ติดอยู่กับส่วนหลังของรถโฟล์คลิฟท์คะ จุดประสงค์หลัก ของการถ่วงน้ำหนักคือการถ่วงน้ำหนักที่ยกขึ้น
– แหล่งพลังงาน
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าได้รับพลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงหรือแบตเตอรี่กรดตะกั่วคะ
– แผงงา
ทำหน้าที่เป็นตัวจับงา ซึ่งติดกับโครงรถโฟล์คลิฟท์ ตั้งอยู่บนรางเสาเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายขึ้นลงได้ง่ายคะ
– เสา
เสาคือส่วนที่เป็นแนวตั้งซึ่งใช้สำหรับยกขึ้นและลงคะ
เราทำความรู้จัก กับรถรถโฟล์คลิฟท์ มาพอสมควรแล้ว ทีนี้เรามา ดูกันว่า ประโยชน์ และเหตุผลที่ควรเช่ารถโฟล์คลิฟท์ มีอะไรบ้าง เราจะยกมา สัก 5ข้อคะ
1.จ่ายเฉพาะสิ่งที่คุณใช้คะ ค่าเช่ารถโฟล์คลิฟท์ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่คุณคาดว่าจะใช้ และคุณจะต้องชำระค่าอุปกรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าคุณจะใช้งานทุกวันหรือน้อยกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์คะ
2. เพิ่มเครดิตที่มีอยู่ของคุณให้สูงสุดคะ เมื่อคุณจัดไฟแนนซ์รถโฟล์คลิฟท์ การเช่ารถโฟล์คลิฟท์ช่วยให้วงเงินของคุณชัดเจนยิ่งขึ้นคะ
3. การชำระค่าเช่าสามารถหักลดหย่อนภาษีได้คะ และการชำระค่าเช่ารถโฟล์คลิฟท์ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและสามารถลดภาระภาษีได้นั้นเองคะ
4. สร้างรายได้ด้วยการขายอุปกรณ์สแตนด์บาย ในการดำเนินทำกิจการของ การเช่า รถโฟล์คลิฟท์ ซึ่งมีอุปกรณ์หลายอย่างจำหน่ายได้ เมื่อเกิดกรณีที่เครื่องเสียหรือเพื่อตอบสนองความต้องการและการทำงานอย่างต่อเนื่องคะ
5.หลีกเลี่ยงค่าปรับและปฏิบัติตามข้อกำหนดคะ เมื่อคุณเช่ารถโฟล์คลิฟท์การปฏิบัติตามข้อกำหนดเป็นสิ่งสำคัญคะ แต่เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล ถ้าเรารักษาอุปกรณ์ ให้ดี ระมัดระวัง ให้เป็นมาตรฐานก็พอคะ

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเช่ารถโฟล์คลิฟท์
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเช่ารถโฟล์คลิฟท์นะคะ เราควรพิจารณาอย่างรอบคอบคะ เพื่อให้ได้บริการที่ดีและคุ้มค่า ซึ่งขั้นตอนที่ควรพิจารณาเมื่อต้องการเช่ารถโฟล์คลิฟท์ ดังนี้คะ
1. ค้นหาผู้ให้บริการเช่ารถโฟล์คลิฟท์ในพื้นที่ใกล้เคียงคะ
2. พิจารณาจากราคา และการบริการ การให้คำแนะนำจากผู้ให้บริการเช่ารถโฟล์คลิฟท์ ในกรณีที่มีความต้องการเช่าระยะยาว เราสามารถพิจารณาเพื่อรับข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการได้เลยนะคะ
3. เลือกใช้บริการเช่ารถโฟล์คลิฟท์ที่มีคนขับรถคะ เพื่อความสะดวกในการทำงานของเรานะคะ
3. ทำความเข้าใจในข้อตกลงและข้อกำหนด ระบุรายละเอียดที่ชัดเจนคะ
5. เลือกบริการเช่ารถโฟล์คลิฟท์ที่มีบริการลูกค้าที่ดีคะ ที่สำคัญสามารถให้คำแนะนำเราและเซอร์วิสตลอดการใช้งานคะ
เป็นไงบ้างคะ สำหรับความรู้ เกี่ยวกับ รถเช่าโฟล์คลิฟท์ ใครที่กำลั จะหาข้อมูลในการเช่ารถโฟล์คลิฟท์ในการทำงานขนสินค้าขขนาดหนักและใหญ่ๆ จากบทความความรู้ข้างต้นอาจจะช่วยให้คุณ ตัดสินใจในการ ใช้บริการเช่ารถโฟล์คลิฟท์ มากขึ้นนะคะ เพื่อให้งานของคุณผ่านไปได้ด้วยดีรวดเร็ว และช่วยคุณประหยัดทั้งแรงงานคน และแรงทรัพย์อีกด้วยคะ

เทรนด์ใหม่ๆ สามารถดูได้จากที่ไหน

มีหลายแหล่งข้อมูลที่คุณสามารถติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของเทรนด์ที่คุณสนใจ

เว็บไซต์ข่าวและสื่อออนไลน์: เว็บไซต์ข่าวและสื่อออนไลน์ต่างๆ มักจะมีบทความเกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ ๆ ในหลากหลายสาขา คุณสามารถติดตามเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับงาน ธุรกิจ เทคโนโลยี แฟชั่น ฯลฯ เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุด
โซเชียลมีเดีย: โซเชียลมีเดียเป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลที่ดีสำหรับการติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ คุณสามารถติดตามผู้เชี่ยวชาญ อินฟลูเอนเซอร์ และแบรนด์ในสาขาที่คุณสนใจ บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook Twitter LinkedIn และ Instagram
งานสัมมนาและกิจกรรม: งานสัมมนาและกิจกรรมต่างๆ เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ ๆ และพบปะผู้คนในสาขาของคุณ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับงานสัมมนาที่เกี่ยวข้องได้จากเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Eventbrite และ Meetup
รายงานและการวิจัย: องค์กรต่างๆ มักจะเผยแพร่รายงานและการวิจัยเกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ ๆ คุณสามารถค้นหารายงานเหล่านี้ได้จากเว็บไซต์ขององค์กร หรือจากห้องสมุดออนไลน์

แหล่งข้อมูลเฉพาะ

เทคโนโลยี: เว็บไซต์และบล็อกเกี่ยวกับเทคโนโลยี เช่น TechCrunch Engadget และ The Verge เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีสำหรับการติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในด้านเทคโนโลยี
ธุรกิจ: เว็บไซต์และนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น Forbes Entrepreneur และ Inc. เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีสำหรับการติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในด้านธุรกิจ
แฟชั่น: เว็บไซต์และนิตยสารเกี่ยวกับแฟชั่น เช่น Vogue Elle และ Harper’s Bazaar เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีสำหรับการติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในด้านแฟชั่น
การตลาด: เว็บไซต์และบล็อกเกี่ยวกับการตลาด เช่น Marketing Land Adweek และ Social Media Today เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีสำหรับการติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในด้านการตลาด
นอกจากนี้ คุณยังสามารถติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ โดยการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อน และครอบครัว

สิ่งสำคัญคือต้องติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง และนำโอกาสใหม่ ๆ มาสู่ธุรกิจหรือชีวิตของคุณ

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นหนึ่งในเทคนิคความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเติมเนื้อเยื่อในบริเวณที่ต้องการให้ดูเต็มเป็นธรรมชาติและกระชับขึ้น
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ทำจากวัสดุหลายชนิด ทั้งที่ผลิตจากธรรมชาติและสังเคราะห์ ยกตัวอย่างเช่น กรดไฮยาลูรอนิก คอลลาเจน หรือสารประกอบจำพวกไฮดรอกซีอะพาไทต์เซรามิก เป็นต้น สารฟิลเลอร์เหล่านี้จะช่วยเติมเต็มผิวหนังในบริเวณที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก รอยหลุม รอยบุ๋ม ให้ดูกระชับเรียบเนียนขึ้น

บริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนสวย ได้แก่ ใบหน้า เช่น รอยคาดระหว่างคิ้ว รอยขมวดระหว่างคิ้ว หางตา รอยย่นใต้ดวงตา แก้มซีด คาง รอยย่นริมฝีปาก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆ เพื่อเพิ่มความเต่งตึงกระชับ อาทิ ลำคอ หลังมือ หรือแม้แต่อกและหน้าอกเพื่อให้ดูอวบอิ่มขึ้น

ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์จะเริ่มจากการฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดระหว่างการฉีด จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปยังชั้นผิวหนังบริเวณที่ต้องการปรับปรุง การฉีดจะใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็กเพื่อไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น ทั้งนี้ ปริมาณและจำนวนจุดที่ฉีดจะขึ้นอยู่กับบริเวณและขนาดพื้นที่ที่ต้องการปรับเสริม

หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว อาจมีอาการบวมและปริ้นแดงเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นในไม่กี่วัน ผลจากการฉีดฟิลเลอร์จะสามารถเห็นได้ทันทีหลังจากทำ โดยผิวหนังจะดูเต่งตึง เรียบเนียน กระชับขึ้น และมีเค้ารูปหน้าที่ดูเด่นชัดขึ้น

ระยะเวลาที่ฤทธิ์ของฟิลเลอร์คงอยู่จะแตกต่างกันไปตามชนิดของสารที่ใช้ ฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดไฮยาลูรอนิกจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ส่วนฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ อาจอยู่ได้นานขึ้นถึง 2-5 ปี เมื่อฤทธิ์ของฟิลเลอร์หมดลง ผิวหนังจะค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิม หากต้องการรักษาผลให้คงอยู่ก็จำเป็นต้องทำการฉีดซ้ำเป็นระยะๆ

แม้การฉีดฟิลเลอร์จะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและได้รับความนิยม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงบางประการที่พึงระวัง เช่น การติดเชื้อจากการฉีด ถ้าหากแพ้สารฟิลเลอร์ก็อาจเกิดอาการบวม แดง คัน หรือถ้าฉีดผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดรอยไหม้จากสารฟิลเลอร์ได้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เสมอ

โดยสรุปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมความงามและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าและร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หากดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความชำนาญและเทคนิคที่ดีอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้การฉีดเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลตามที่ต้องการ

หลายครั้งที่คำว่า ‘อาหารสุขภาพ’ ทำเราตกม้าตาย เพราะคนยังมีความเข้าใจผิดๆ เรื่องปริมาณอาหารและโภชนาการ อาหารต่อให้ดีแค่ไหนถ้ากินมากเกินไปก็ทำลายสุขภาพได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับอาหารไม่ดีที่แฝงตัวมาในหมู่อาหารดี อาทิ ใส่ของดีมาน้อยนิดแต่โฆษณาซะใหญ่โต หรือไม่บอกถึงส่วนผสมทั้งหมด (ซึ่งบางส่วนมักจะไม่ดี) หนึ่งในตัวอย่างสุดคลาสสิกอย่างน้ำสลัดบรรจุขวดพร้อมกินที่วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต น้ำสลัดเหล่านี้มีทั้งยี่ห้อที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป เราจึงต้องจำแนกออกมาด้วยการสังเกตส่วนผสมเหล่านี้

สมัยนี้ไม่บอกกันโต้งๆ แล้วว่าใส่น้ำตาลมาเท่าไร แต่จะเปลี่ยนเป็นคำสวยหรู เช่นน้ำเชื่อมข้าวโพดชนิดฟรักโทสสูง หรือที่ภาษาอังกฤษใช้ว่า High Fructose Corn Syrup (HFCS) ซึ่งนิยมใช้กันในเครื่องดื่มประเภทให้ความหวานสูงหรือพวกลูกกวาดต่างๆ แม้กระทั่งเนยถั่วบางเจ้า (ล่าสุดมีผลการศึกษาพบว่ากิน HFCS นานติดต่อกัน 6 สัปดาห์จะทำให้คุณฉลาดน้อยลง) ความหวานชนิดนี้อันตรายมาก เห็นชื่อมีคำว่าข้าวโพดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผลพวงมาจากผลผลิตทางธรรมชาติ เพราะมันเป็นน้ำตาลที่เกิดจากการสังเคราะห์และผ่านกรรมวิธีต่างๆ เพื่อให้ได้ความหวานที่สุดและมีต้นทุนต่ำ เหมาะกับการผลิตในปริมาณมาก การกินน้ำสลัดที่มี HFCS จึงไม่ต่างจากการใส่น้ำตาลในอาหารคาว

2.Soybean Oil & Canola Oil

ทั้งสองตัวนี้ก็น่ากลัวเพราะไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพ โดยเฉพาะน้ำมันคาโนลาเนื่องจากผ่านกรรมวิธีการผลิตจากโรงงาน ถูกดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) เพื่อขจัดสารพิษให้เหลือน้อยที่สุด น้ำสลัดบางยี่ห้อเขียนว่าใช้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมก็จริง แต่เมื่ออ่านส่วนผสมที่เหลือด้านหลังขวดกลับพบว่าน้ำมันหลักที่พวกเขาใช้เป็นน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันคาโนลา ส่วนน้ำมันมะกอกใส่มาในปริมาณที่ต่ำกว่ามาก

3.Light or Low-Fat

สาเหตุที่ให้เลี่ยง เนื่องจากบ่อยครั้งที่เราเห็นน้ำสลัดไขมันต่ำเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคไขว้เขวว่าดีต่อสุขภาพเพราะมีไขมันต่ำ แต่สิ่งที่พวกเขาทำหลังบ้านคือใส่โซเดียมและน้ำตาลมาในปริมาณที่สูงกว่าสูตรปกติ อีกทั้งน้ำสลัดไขมันต่ำยังทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคโรทีนอยด์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระในผักเขียวและมะเขือเทศได้เท่าที่ควร หลัง Purdue University พบว่าไขมันดีจำเป็นต่อการดูดซึมสารอาหารจากผักและผลไม้ แต่อย่าเพิ่งรีบคว้าน้ำสลัดสูตรครีมที่อุดมด้วยไขมันมากิน จำไว้ว่าหลักๆ ไขมันดีในชามสลัดได้แก่ น้ำมันมะกอก ถั่ว และอะโวคาโด ส่วนมายองเนสนั้นโค-ตะ-ระคนละเรื่องกันเลย

4.Too Much Ingredients

ไม่ใช่ไปคิดว่าเจ้านี้ใจดีจัง ใส่อะไรไม่รู้มาให้เพียบเลยคงต้องดีแน่ๆ หารู้ไม่ว่าหลักในการเลือกซื้อของกินในซูเปอร์มาร์เก็ตให้เลือกเจ้าที่มีส่วนผสมน้อยที่สุด และต้องเป็นส่วนผสมที่อ่านแล้วเข้าใจได้ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู น้ำผึ้ง เกลือ พริกไทย (จริงๆ แค่นี้ก็ปรุงน้ำสลัดได้แล้ว) ไม่ใช่ใส่สารกันบูด สารคงรูป สารให้ความเปรี้ยว สารให้ความหวาน หัวเชื้อมะนาว สารแต่งรสตามธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งไม่จำเป็นเลยสักนิด

5.Hidden Fats

กฎหมายอเมริการะบุว่าผู้ผลิตต้องแจงปริมาณไขมันทรานส์ไว้ในฉลากโภชนาการ เว้นแต่ว่ามีปริมาณที่ต่ำกว่า 0.5 กรัมถึงอนุญาตให้ใช้คำว่า No Trans Fat ได้ แต่บางครั้งไขมันร้ายก็มีชื่อยากๆ ให้เรียก เช่น Partially Hydrogenated, Hydrogenated Fat หรือ Interesterified Fat เหล่านี้เป็นไขมันดัดแปลงที่กินมากๆ ไม่ดีต่อร่างกาย ดังนั้นผู้บริโภคต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ เพราะอาหารบางชนิดมั่นใจว่าต้องมีไขมันทรานส์แน่ๆ แต่กลับไม่ระบุ ดังนั้นให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะแฝงตัวมาในชื่ออื่น ส่วนกฎหมายบ้านเรายังไม่บังคับให้ระบุปริมาณไขมันทรานส์ เลยต้องวัดดวงกันหน่อย